ทำ Youtube Ads 5 วิ ให้น่าสนใจ ไม่โดนกดข้าม​

-
Youtube ช่องทางการตลาดออนไลน์ที่สร้างแบรนด์ให้เป็นที่่รู้จักในเวลารวดเร็ว ด้วยรูปแบบการนำเสนอโฆษณาเป็นคลิปวิดีโอ จึงสามารถดึงดูดความน่าสนใจได้มากเป็นพิเศษ แต่! ก็ไม่ใช่เรื่องง่าย  เพราะ Youtube กำหนดให้ผู้ชมสามารถกดข้ามโฆษณาได้หลังจาก 5 วิ (โฆษณา Pre roll skipable) ปัญหาคือจะทำอย่างไรไม่ให้โฆษณาโดนกดข้าม ภายใน 5 วินาที



1.ไม่ควรใส่โลโก้ 5 วินาทีแรก 
เพราะจะถูกกดข้ามทันที คนส่วนใหญ่มองว่าเป็นการขายตรงมากไป ทางทีดีควร Tie in โลโก้ร่วมกันกับสินค้าไปเลย 
 
2. สร้างสรรค์คอนเทนต์โฆษณาด้วยความตื่นเต้น 
มีมุขตลก สนุกสนาน เก๋ หรือแปลกใหม่ เพื่อดึงความสนใจให้รับชมต่อ ยิ่งถ้าครีเอทคลิปให้ลึกลับน่าค้นหา หักมุมสะเทือนอารมณ์คนดูได้ 5 วิแรก ยิ่งทำให้คนดูจนจำแบรนด์ได้ 

3. คาแรคเตอร์คนที่อยู่ในคลิป 
การเลือกคนที่เป็นที่รู้จัก หรือมีคาแรคเตอร์ที่เข้ากับคอนเทนต์หรือแบรนด์ได้ดี  จะทำให้คนดูสนใจและอยากที่ติดตามต่อว่าโฆษณากำลังจะนำเสนออะไร  

Youtube

4. Sound Effect ที่สนุกสนาน 
ก็มีส่วนที่ทำให้คนดูสนใจโฆษณามากกว่าเสียงที่ทำให้รู้สึกผ่อนคลาย เพราะคนดูจะรู้สึกตื่นตัวมากกว่า แต่อย่าลืมมองภาพรวมของความเข้ากันด้วย

นี่เป็นไอเดียสำหรับนักการตลาดสายยูทูป ที่ต้องการช่วงชิงพื้นที่สื่อโฆษณาออนไลน์ ซึ่งถ้าเราเข้าใจพฤติกรรมผู้ใช้ Youtube และผลิตภัณฑ์ได้ดี ยิ่งจะช่วยให้เราสร้างจุดเด่นของโฆษณาให้น่าสนใจได้มากขึ้น และเป็นผลให้แบรนด์เป็นที่รู้จักจากการเล่าเรื่องของโฆษณาได้ในเวลาอันรวดเร็ว และไม่ถูกกดข้าม



ความคิดเห็น

แสดงความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จัก 6 แพลตฟอร์ม Social Media ยอดนิยมในไทย

-
รูปภาพ
ปัจจุบันนี้ คงแทบไม่มีใครไม่รู้จัก Social Media เพราะอินเทอร์เน็ตมีบทบาทกับชีวิตประจำวันของเรามาก รวมไปถึงการติดต่อสื่อสาร หรือขายของต่าง ๆ บนโซเชียลมีเดียก็มีเยอะขึ้นจากเมื่อก่อน การตลาดแบบใหม่อย่าง Social Media Marketing (SMM) จึงเกิดขึ้นและเริ่มเป็นที่นิยม การตลาดที่ใช้ Social Media เข้ามาช่วยจะทำให้ผู้ขายโปรโมทแบรนด์ สินค้าและบริการผ่านโซเชียลมีเดียได้อย่างมีประสิทธิภาพ  วันนี้เราได้รวบรวม รู้จัก 6 แพลตฟอร์ม Social Media ยอดนิยมในไทย จะมีอะไรบ้าง ไปดูกันเลย 1. Facebook เป็นโซเชียลมีเดียที่มียิ่งใหญ่ที่สุดในขณะนี้ ทั้งในด้านจำนวนผู้ใช้และความนิยมเชื่อว่าทุกคนต้องมีแอคเคาท์ของ Facebook แน่นอน Facebook ผู้สมัครเข้าใช้เพื่อทำธุรกิจขนาดเล็ก กลาง ถึงใหญ่จำนวนมากกว่า 1 ล้านธุรกิจที่ใช้แพลตฟอร์มนี้ในการโปรโมทแบรนด์ จึงเป็นหนึ่งในโซเชียลที่น่าลงทุนสำหรับธุรกิจมากที่สุดในขณะนี้  2. Twitter แม้ว่าจะจำกัดจำนวนตัวอักษรในการโพสต์แต่ละครั้ง แต่รู้มั้ยว่านั้นกลายเป็นเสน่ห์ของ Twitter ซึ่งธุรกิจสามารถเลือกใช้ช่องทางนี้ในการตอบคำถาม หรือโปรโมทข่าวสารใหม่ ๆ ได้ นอกจากนี้การทำการตลาดใน Twitter นั้น
อ่านเพิ่มเติม

4 เหตุผล ที่ควรทำ SEO ในช่วง COVID-19

-
รูปภาพ
          เมื่อไวรัส COVID-19 ส่งผลกระทบต่อคน และธุรกิจทั่วโลก โดยผลของมันทำให้หลายธุรกิจต้องเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้าย บางรายอาจแก้ไขด้วยการลดต้นทุนการตลาด หรือหยุดทำโฆษณาไปก่อนในช่วงวิกฤตนี้ เพราะกลัวว่าการลงทุนจะยิ่งทำให้ธุรกิจขาดทุนมากขึ้น           แต่ความจริงแล้ว เรายังสามารถทำให้ธุรกิจเดินหน้าต่อไปได้ แม้ว่าไรวัส COVID-19 จะระบาดหนักแค่ไหน การทำ SEO คืออีกหนึ่งทางที่จะช่วยให้ธุรกิจของคุณอยู่รอด 1. คนยังเสิร์ชหาสินค้า และบริการอยู่           ไม่ว่าโลกของเราจะพบวิกฤต หรือโรคระบาดแค่ไหนก็ตาม มนุษย์เราก็ยังมีความต้องการอยู่เสมอ มีของที่จำเป็นต้องใช้ ยา อาหาร หรือสินค้าฟุ่มเฟือยต่างๆ เพียงแค่ลูกค้ากลุ่มนี้เปลี่ยนพฤติกรรมการซื้อไปช่องทางออนไลน์เท่านั้นเอง โดยผลสำรวจของ eMarketer พบว่าผู้ใช้ Internet ในประเทศไทยกว่า 70% หลีกเลี่ยงการไปสถานที่แออัดในช่วงที่ไวรัส COVID-19 กำลังระบาด 2. การทำ SEO สามารถสร้างยอดขายได้           Search Engine Marketing ยังคงเป็นช่องทางที่ลูกค้าสามารถเข้าถึงธุรกิจของเราได้โดยตรง อย่างที่บอกไปว่าทุกคนยังมีความต้องการอยู่ เมื่อมีความต้องการคนเหล่
อ่านเพิ่มเติม

รู้จักข้อดี ข้อเสีย การขายของออนไลน์

-
รูปภาพ
          ในปัจจุบันนี้เทคโนโลยีในโลกของเราได้พัฒนาไปไกลมากๆ ทำให้เราสามารถติดต่อสื่อสารกันได้ง่ายมากยิ่งขึ้น สร้างโอกาส และเพิ่มช่องทางที่หลากหลายในธุรกิจต่างๆ โดยเฉพาะการขายสินค้า ในปัจจุบันเราจะเห็นได้อย่างชัดเจนว่ามีการขายสินค้าในระบบออนไลน์จำนวนมาก วันนี้เราจะมา รู้จักข้อดี ข้อเสีย ของการขายของออนไลน์ ว่ามันเป็นอย่างไร ไปดูกันเลย           มาเริ่มกันที่ข้อดีก่อนเลยค่ะ ข้อดี คือเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายได้อย่างรวดเร็ว และตรงจุด เพราะว่ามีช่องทางให้เราได้เลือกหลากหลาย สำหรับในประเทศไทยช่องทางที่นิยมขายสินค้ากันมากที่สุด ก็จะมี Facebook Instagram Twitter YouTube รวมไปถึงเว็บไซต์สำหรับขายสินค้าแบบเป็น Partner อีกจำนวนมาก เช่น Lazada shopee  หรือแม้แต่ Amazon ที่สำคัญมันยังสามารถขายได้ตลอด 24 ชั่วโมง ทำให้สามารถเข้าสู่กลุ่มเป้าหมายได้ตลอดเวลา แตกต่างกับการขายสินค้าแบบมีหน้าร้านอย่างสิ้นเชิงเพราะว่าจะต้องมีเวลาเปิด เวลาปิด ที่สำคัญมันยังสามารถเข้าถึงลูกค้าได้เพียงช่องทางเดียวเท่านั้น ไม่ต้องใช้เงินในการลงทุนจำนวนมาก หากเราจะต้องขายสินค้าแบบมีหน้าร้าน มันจำเป็นจะต้องใช้เงินทุนสูงเนื่องจากต
อ่านเพิ่มเติม