5 สิ่งที่ควรรู้ เผื่อผลักดันให้คนไทยซื้อของออนไลน์มากขึ้น


        การแข่งขันทางการตลาดออนไลน์ของไทยมีความดุเดือดขึ้นมากในช่วงเวลาที่ผ่านมา  เป็นผลมาจากพฤติกรรมที่เปลี่ยนแปลงของกลุ่มผู้บริโภคจากความสามารถในการใช้สมาร์ทโฟนที่เพิ่มขึ้น ทำให้มีผลต่อการตัดสินใจซื้อสินค้าอยู่ไม่น้อย วันนี้เราจะมาบอกเทคนิคที่ช่วยการตลาดออนไลน์อย่างดี นั้นก็คือ 5 สิ่งผลักดันให้คนไทยซื้อของออนไลน์มากขึ้น ตามไปดูกันเลย

1. การนำเสนอข้อมูลของสินค้า
เป็นที่แน่นอนว่าการนำเสนอข้อมูลของสินค้าในยุคดิจิทัล โดยเฉพาะกลุ่มผู้บริโภคยุคใหม่การตลาดแบบเดิมคงจะไม่ได้ผลอีกแล้ว โดยกลุ่มตัวอย่างแบบสำรวจกว่า 60%  ยอมรับว่า จะเข้าชมสินค้าจากการทำการตลาดแบบปากต่อปาก (Words of Mouth) ที่มีผู้คนเคยทำรีวิวสินค้าไว้แล้วบนอินเทอร์เน็ต และการอ่านความเห็นของผู้เคยใช้สินค้า  ที่นิยมนำเสนอผ่านการแกะกล่องรีวิวผ่านวิดีโอในยูทูปและเฟซบุ๊ก นอกจากนี้ ผู้บริโภคยังมีพฤติกรรมการเปรียบเทียบราคาสินค้าในแต่ละร้านค้าที่ขายบนออนไลน์อีกด้วย
 
2. ความชัดเจนน่าเชื่อถือ
มีผู้ตอบแบบสอบถามมากกว่า 10,000 คนหรือคิดเป็น 64.9% ของคนไทยที่ซื้อของออนไลน์ มีความกังวลเกี่ยวกับความปลอดภัยในการช้อปปิ้ง และแน่นอนถ้าอยากให้การตลาดได้ผล การสร้างความน่าเชื่อถือในร้านค้าออนไลน์ที่ปลอดภัยเป็นสิ่งจำเป็นอย่างมาก เนื่องจากต้องสร้างความไว้วางใจให้ลูกค้าว่า ร้านค้าออนไลน์หรือบริษัทขายของออนไลน์นั้นมีตัวตนจริงๆ ซึ่งในบางเว็บไซต์จะมีโปรแกรมป้องกันไวรัส เพื่อสร้างความน่าเชื่อถือให้กับผู้บริโภค
 
3. ต้องมีการบริการที่ดี

ปัญหาหลัก ของการซื้อสินค้า และบริการออนไลน์  ก็คือการรับสินค้าช้ากว่ากำหนด สินค้าไม่ตรงตามที่แสดงในเว็บไซต์ และสินค้าชำรุดเสียหาย โดยปฏิเสธไม่ได้เลยว่าในปัจจุบัน การทำการตลาดมุ่งเน้นไปที่บริการเสริมมากขึ้น เมื่อมีการซื้อสินค้า จำเป็นต้องมาพร้อมกับการบริการที่ดี ที่พร้อมให้คำแนะนำปรึกษาในตัวสินค้า เพื่อป้องกันการเกิดปัญหากรณีดังกล่าวขึ้น รวมทั้งบางที่ยังสามารถส่งคืนสินค้าเมื่อเราไม่พอใจสินค้าเหล่านั้นได้อีกด้วย
 
4. ราคาถูก
จากผลสำรวจยอดขายออนไลน์ในประเทศไทยพบว่า สินค้าที่มีราคาถูกดึงดูดพฤติกรรมการซื้อของผู้บริโภคสูงถึง 46.4 % โดยมีกลุ่มสินค้าที่ได้รับความนิยม ประกอบด้วย สินค้าแฟชั่นในหมวด กระเป๋า และเสื้อผ้า  42.6 % สินค้าไอที  27.5%  และสินค้ากลุ่มผลิตภัณฑ์สุขภาพ และความงาม 24.4% ซึ่งแนวโน้มของสินค้าในกลุ่มสุขภาพ และความงามจะขยายตัวเข้ามาในพื้นที่การตลาดมากขึ้น โดยเฉพาะสินค้าที่ราคาต่ำกว่า 2,000 บาท ถือเป็นราคามาตรฐานที่ดึงดูดใจลูกค้ามากที่สุด
 
5. การชำระเงินที่สะดวกผ่านออนไลน์
ประเทศไทยได้เข้าสู่ระบบการชำระเงินผ่านออนไลน์อย่างเต็มรูปแบบ หรือ E – Commerce ซึ่งถือว่าพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์อยู่ในช่วงกำลังโดดเด่นที่สุดในประเทศไทยอย่างไม่ต้องสงสัย เช่น การชำระเงิน PaysBuy  AIS  mPAYและ123 cash อย่างไรก็ตาม สำหรับการช้อปปิ้งผ่านร้านค้าออนไลน์ มีผู้ตอบแบบสำรวจถึง 65% ที่นิยมการโอนเงินแบบชำระโดยตรงเข้าบัญชีเงินฝาก และอีก 30% นิยมการชำระเงินผ่านบัตรเครดิต

        สุดท้ายนี้ผู้ที่ดำเนินการค้าออนไลน์ ควรจดทะเบียนพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ กับกรมพัฒนาธุรกิจการค้า กระทรวงพาณิชย์ ซึ่งสามารถขอรับเครื่องหมาย DBD Registered เพื่อติดตั้งที่ร้านค้าออนไลน์ เป็นการสร้างความเชื่อมั่นในการประกอบพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์ และยืนยันการมีตัวตนของผู้ประกอบการพาณิชย์อิเล็กทรอนิกส์







ความคิดเห็น

โพสต์ยอดนิยมจากบล็อกนี้

รู้จัก 6 แพลตฟอร์ม Social Media ยอดนิยมในไทย

4 เหตุผล ที่ควรทำ SEO ในช่วง COVID-19

รู้จักข้อดี ข้อเสีย การขายของออนไลน์